วิธีดับกลิ่นรองเท้า และวิธีแก้รองเท้าเหม็น ใช้แล้วดี เลยบอกต่อ
รองเท้าคู่โปรดที่คุณใส่ลุยไปไหนมาไหนเป็นประจำ เมื่อผ่านไปซักระยะหากคุณไม่ได้ซัก กลิ่นรองเท้าที่เหม็นอับจะค่อยๆ โชยออกมาและทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น เนื่องจากความอับชื้นในรองเท้า และเหงื่อจากเท้าของเราที่ออกมาสะสมนั่นเอง ยิ่งคุณไม่รีบซักปล่อยทิ้งไว้หลายวัน กลิ่นจะติดแน่นทนนาน ซักไม่ออกง่ายๆ ถึงเวลาที่คุณต้องใช้วิธีดับกลิ่นรองเท้าเข้ามาช่วยแล้วหล่ะ บทความนี้ของทิปส์ซ่าก็ได้รวบรวมเอาวิธีแก้รองเท้าเหม็น มาแนะนำรายละเอียดให้กับเพื่อนๆ เพื่อที่จะได้นำไปใช้กันอย่างง่ายดาย รองเท้าคู่ใจของคุณจะได้น่าใส่ ปราศจากกลิ่นเหม็นอับ สวมใส่ได้อย่างมั่นใจไร้กังวล
วิธีดับกลิ่นรองเท้าต้องทำอย่างไรบ้าง?
เมื่อรองเท้าเปียก ต้องรีบทำให้แห้ง
ในช่วงหน้าฝนคุณมักจะเจอกับปัญหารองเท้าเปียกได้บ่อยที่สุด ฉะนั้นหากคุณตากฝน หรือเดินไปเหยียบน้ำมา คุณต้องรีบทำให้รองเท้าแห้งให้เร็วที่สุด หากมีแดดก็เอาไปตากแดด หรือหากไม่มีแดด ก็เอาไดร์เป่าผมมาเป่าก็ได้ เพื่อไล่ความอับชื้นด้านในของรองเท้าออกไป แต่ควรดูด้วยนะ ว่าสามารถใช้ความร้อนกับรองเท้าของคุณได้หรือไม่
ฉีดรองเท้าด้วยเดทตอล (Dettol)
น้ำยาฆ่าเชื้อโรคเดทตอล เพื่อนๆ คงจะหาซื้อกันได้ไม่ยาก เพราะจะมีจำหน่ายอยู่ตามร้านขายของทั่วไป เราจะเอามาช่วยขจัดกลิ่นรองเท้า โดยเอาน้ำยาเดทตอลมาผสมกับน้ำเปล่าในอัตรา 1:1 แล้วหาขวดสเปรย์ที่ไม่ใช้แล้ว หรือขวดน้ำหอมที่ใช้หมดแล้วก็ได้ เอาเดทตอลที่ผสมไว้แล้วในส่ลงไปในขวดสเปรย์ แล้วเอาไปฉีดพ่นใส่ด้านในของรองเท้าได้เลย ฉีดให้ทั่วแล้วทิ้งไว้ 1 คืน กลิ่นรองเท้าที่เหม็นอับก็จะหายไป
เบคกิ้งโซดา (อีกแล้วจ้า)
น่าทึ่งจริงๆ ที่เบคกิ้งโซดาสามารถเอามาทำประโยชน์ได้หลายอย่างมากๆ ไม่เว้นแม้กระทั่งการขจัดกลิ่นรองเท้า วิธีการก็คือให้เพื่อนๆ เอาเบคกิ้งโซดาใส่ลงไปในถุงเท้า แล้วเอาถุงเท้าไปยัดใส่ไว้ในรองเท้า เพียงแค่คืนเดียวกลิ่นรองเท้าที่เหม็นอับ จะถูกเบคกิ้งโซดาดูดออกไปจนหมด ปราศจากกลิ่นแบบไร้กังวล
กำจัดกลิ่นรองเท้าด้วยหนังสือพิมพ์
แค่เอาหนังสือพิมพ์เก่าๆ มาขยำเป็นก้อน แล้วยัดเข้าไปในรองเท้าจนเต็ม แล้วทิ้งไว้ 1 คืนขึ้นไป เพียงเท่านี้ก็จะช่วยให้กลิ่นรองเท้าที่เหม็นบรรเทาลงได้ ถ้าใช้แป้งโรยลงไปด้วยจะดีมาก ใครที่เคยซื้อรองเท้ามือสองคงจะเคยเป็นวิธีนี้กันมาแล้ว ซึ่งนอกจากจะช่วยขจัดกลิ่นรองเท้าได้แล้ว ยังช่วยรักษาทรงของรองเท้าได้อีกด้วยนะ
ใช้แป้งโรยลงไปในรองเท้า
แป้งเต่าเหยียบโลก หรือแป้งโยคี (ซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป) นอกจากจะเอาโรยตรงซอกนิ้วเท้าและฝ่าเท้า ยังเอามาโรยใส่ลงไปในรองเท้าได้อีกด้วย โดยหลังจากที่คุณกลับมาถึงบ้านแล้ว ก็เอาแป้งโรยลงไปในรองเท้า โดยเฉพาะด้านในรองเท้าตรงที่นิ้วเท้าเราสัมผัส ทิ้งไว้หนึ่งคืนแล้วตอนเช้าก็เคาะเอาแป้งออก แล้วก็สวมใส่ตามปกติได้เลย จะช่วยขจัดกลิ่นในรองเท้าจนเกือบหมด หากกลิ่นไม่รุนแรงเกินไป อาจจะใช้แป้งที่เราใช้ทาหน้าหรือโรยตัวก็ได้ค่ะ ทำตามวิธีที่เราได้บอกเอาไว้เลย ช่วยขจัดกลิ่นรองเท้าได้แน่นอน
ให้กากกาแฟช่วยดูดกลิ่น
นอกจากเราจะใช้กากกาแฟขัดผิวแล้ว ยังเอามาช่วยดับกลิ่นรองเท้าได้อีกด้วย โดยให้ไปหากากกาแฟแล้วเอามาห่อด้วยเศษผ้า หรืออาจจะใช้ถุงเท้าก็ได้ ใส่กากกาแฟลงไปแล้วเอาไปยัดไว้ในร้องเท้า ทิ้งไว้ 1 คืน กลิ่นรองเท้าที่เหม็นจะถูกกากกาแฟดูดออกไป คุณอาจจะหยดน้ำมันหอมระเหยใส่ห่อผ้าด้วยก็ได้นะ รองเท้าจะได้มีกลิ่นหอมไงหล่ะ
รักษาความสะอาดของรองเท้าเป็นประจำ
หากคุณมีรองเท้าหลายๆ คู่ ให้คุณใส่สลับกันไปวันละคู่ไม่ซ้ำกัน ผลัดเวียนอยู่อย่างนี้ แล้วคู่ไหนที่สวมใส่ไปเมื่อวาน วันนี้ก็เอามาซักหรือผึ่งแดดก็ได้ วิธีนี้จะช่วยลดการสะสมของแบคทีเรียในรองเท้าได้อีกด้วย
อีกอย่างที่ไม่ควรลืมก็คือการทำความสะอาดถุงเท้านั่นเอง เพราะถุงเท้าคือแหล่งสะสมของแบคทีเรีย เหงื่อของเราก็จะหมักหมมอยู่ตรงนี้ด้วย ฉะนั้นควรมีถุงเท้าหลายๆ คู่ใส่สลับกันไป และการซักถุงเท้าแต่ละครั้งควรซักให้สะอาด แช่น้ำยาฆ่าเชื้อโรคด้วยยิ่งดี แล้วเอาไปตากไว้กลางแดดแรงๆ และที่สำคัญก็คืออย่าลืมรักษาความสะอาดของเรา และจัดการปัญหากลิ่นเท้าของคุณด้วยหล่ะ
แช่รองเท้าในน้ำสารส้ม
เอาสารส้มมาบดแล้วเอาลงไปละลายในน้ำ จากนั้นเอารองเท้าลงไปแช่ทิ้งไว้ 30 นาที แล้วเอาไปซักด้วยผงซักฟอกตามปกติ เมื่อล้างจนหมดฟองแล้วก็เอาแช่ในน้ำยาปรับผ้านุ่มซักพัก เสร็จแล้วเอาไปตากแดดให้แห้ง เพียงเท่านี้เราก็สามารถขจัดกลิ่นเหม็นอับของรองเท้าได้แล้วหล่ะ
นี่ไงหล่ะสิ่งที่เราอยากจะให้คุณได้อ่านกัน คงจะเป็นประโยชน์อยู่บ้างนะคะสำหรับผู้ที่อยากแก้ปัญหารองเท้าเหม็น ยิ่งใครที่มีรองเท้าไม่มาก ต้องใส่ทุกวัน เรื่องกลิ่นมักจะตามมา และคนที่มีเหงื่อออกมากก็จะพบเจอปัญหานี้เช่นกัน เพราะเหงื่อจะเป็นตัวกระตุ้นแบคทีเรียที่อับอยู่ในรองเท้า ต่อนี้ไปเมื่อได้ใช้วิธีแก้รองเท้าเหม็นตามที่ได้อ่านกันไปแล้ว เพื่อนๆ คงจะมั่นใจในการถอดรองเท้ากลางที่สาธารณะมากยิ่งขึ้น ไม่ต้องกังวลกับกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ของเท้าอีกต่อไปนั่นเอง