เทคนิคการซักผ้า ตากผ้าในหน้าฝน ให้แห้งเร็ว แห้งไว
นี่ก็เป็นช่วงฤดูฝนของบ้านเรา ซึ่งมีฝนโปรยปรายลงมาให้เราได้ชุ่มฉ่ำกันอยู่เกือบทุกวัน ช่วยผ่อนคลายอากาศร้อนในตอนกลางวันได้เป็นอย่างดี แต่มีอีกหนึ่งเรื่องที่มักมีคนมาถามอยู่บ่อยๆ ว่าในหน้าฝนที่ไม่มีแดดเนี่ย เราจะตากผ้าอย่างไรให้แห้งเร็ว เราเห็นว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาที่ไกลตัวเลย จึงนำเอาเทคนิคต่างๆ ในการซักผ้าและตากผ้าในหน้าฝนให้แห้งเร็ว ยิ่งคนที่อาศัยอยู่ตามหอพัก คอนโด อพาร์ทเม้นท์ ฯลฯ ซึ่งไม่ค่อยจะมีพื้นที่โล่งแจ้งให้ตากผ้ากันสักเท่าไหร่ ก็จะได้รับความรู้ที่เป็นประโยชน์ไปใช้ในชีวิตจริงค่ะ

เคล็ดลับซักผ้า ตากผ้าช่วงหน้าฝน
รีบซักผ้าในตอนเช้า
หากวันไหนที่เพื่อนๆ เห็นว่าผ้ากองโตแล้วต้องลงมือซักกันเสียที ก็สละเวลาตื่นแต่เช้ามาซักผ้า เผื่อเวลาเตรียมตัวไปทำงานด้วยนะ(ตื่นเช้ากว่าปกตินิดนึง) เพื่อที่เราจะได้ตากผ้าในช่วงกลางวันได้ทั้งวัน ถ้าไม่มีคนที่จะฝากเก็บผ้าตอนฝนตก เอาตากหลังห้องของเราตรงที่โล่งๆ มีลมพัดผ่านตลอด แต่เอาหลบเข้ามาในชายคานิดนึงนะ เวลาฝนตกจะได้สาดเข้ามาไม่ถึง การที่เราซักผ้าในตอนเช้า ผ้าจะได้รับแดดและลมอุ่นๆ ช่วยให้ผ้าแห้งเร็ว แต่หลายคนที่ชอบกลับมาซักผ้าตอนเย็นหลังเลิกงาน แล้วตากทิ้งไว้ทั้งคืน ผ้าจะแห้งช้าและอาจมีกลิ่นอับอีกด้วย บางทีถ้าฝนตกทั้งคืน ผ้าที่ตากเอาไว้ก็จะชื้นๆ การที่เราสวมใส่เสื้อผ้าที่อับชื้นเป็นความรู้สึกที่ไม่ดีเอาเสียเลย ผู้เขียนเคยมีประสบการณ์มาแล้วหล่ะ
ใช้เครื่องอบผ้า
ยุคปัจจุบันก็มีเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เข้ามาตอบโจทย์ชีวิตของเรามากมาย เครื่องอบผ้าก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่หลายคนมีไว้ติดบ้าน เพราะถึงแม้ว่าฝนจะตกหนักจนไม่มีแสงแดดให้ตากผ้า เราก็ให้เครื่องอบผ้ามาช่วยได้ ซึ่งร้านซักอบรีดเค้าก็นิยมใช้กัน ผ้าก็จะแห้งพร้อมให้เอาไปเก็บในตู้เสื้อผ้า หรือเอาไปรีดได้เลย แต่ผ้าที่อบเครื่องนี้จะค่อนข้างยับนิดนึงนะ และจะไม่มีกลิ่นหอมละมุนของไอแดดค่ะ
จัดระยะห่างของเสื้อผ้าให้ดี
ในการตากผ้าถ้าอยากจะให้ผ้าแห้งเร็ว ตอนตากก็ให้คอยจัดระยะห่างของผ้าแต่ละผืนด้วย เพราะหากผ้าอยู่ชิดกันเกินไป ลมจะพัดผ่านเข้าไปในผ้าไม่ได้ ผ้าจะไม่แห้ง ให้แขวนผ้าห่างกันซักหนึ่งคืบ บางครั้งลมพัดทำให้ผ้าเลื่อนมาชิดกัน ก็ให้หาเชือกมามัดเป็นปมคั่นไว้ไม่ให้ผ้าที่แขวนไหลไปมาได้ หรืออาจจะเลือกซื้อราวผ้าแบบที่มีห่วงคล้อง ซึ่งเราจะแขวนไม้แขวนเสื้อได้ห่วงละอันเท่านั้น จึงทำให้ผ้าไม่ไหลไปกองรวมกัน และมีระยะห่างที่เหมาะสม ลมพัดผ่านเข้าไปได้ทำให้ผ้าแห้งเร็ว
ใช้ไดร์เป่าผมมาช่วย
วิธีนี้ใช้ได้ผลดีกับผ้าที่ไม่ค่อยหน้านะคะ โดยหากผ้ายังชื้นอยู่แล้วเรารีบใช้ ก็ให้หาถุงพลาสติกใบใหญ่และหนานิดนึง เอาผ้าที่เราต้องการให้แห้งใส่เข้าไปในถุง แล้วเอาไดร์เป่าผมเป่าลมร้อนเข้าไปข้างในถุงเลยค่ะ เขย่าถุงด้วยนะเพื่อให้ความร้อนเข้าสู่เนื้อผ้าอย่างทั่วถึง เพียงไม่นานผ้าก็จะแห้งพร้อมเอาไปรีดหรือเอาผึ่งซักแป๊บแล้วก็ใช้สวมใส่ได้เลยค่ะ
เลือกใช้บริเวณที่แสงส่องถึง
ถ้าเราอยู่บ้านเดี๋ยวก็คงไม่ค่อยมีปัญหา แต่ถ้าอยู่หอพักหรือคอนโด สถานที่โล่งที่พอจะตากผ้านั้นดูจะมีไม่มากนัก ให้คุณเลือกพื้นที่ตามระเบียงเป็นที่ตากผ้าก็ได้ค่ะ โดยย้ายราวตากผ้าของเราไปไว้ที่ริมระเบียงจุดที่แดดพอจะส่องถึง และอากาศสามารถถ่ายเทได้สะดวก เท่านี้ก็ช่วยให้เสื้อผ้าที่เราตากนั้นแห้งไวและยังหอมกลิ่นแดดอ่อนๆ อีกด้วย
เปิดพัดลมเป่า
หากไม่มีแสงแดดให้เราได้ตากผ้าเลย ก็ให้เอามาผึ่งพัดลมก็ได้ค่ะ โดยตอนซักผ้าเสร็จนั่นเราต้องปั่นแห้งหรือบิดน้ำให้หมาดมากที่สุด จากนั้นก็เอาใส่ไม้แขวนผ้าเอาแขวนไว้ริมหน้าต่าง แล้วจัดการเปิดพัดใส่เสื้อผ้านั้นเลย หรือถ้าเป็นพัดลมแบบติดผนังก็ให้เอาเสื้อผ้ามาแขวนไว้หน้าพัดลม ให้ลมพัดโดนเสื้อผ้าได้ หากเป็นผ้าที่ไม่หนามากนักก็จะช่วยให้แห้งอย่างรวดเร็ว แต่ถ้าเป็นผ้ายีนส์จะแห้งค่อนข้างช้า หากจะใช้วิธีนี้ตอนที่ซักผ้าแนะนำให้ใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มสูตรป้องกันกลิ่นอับด้วยนะ เพื่อป้องกันไม่ให้เสื้อผ้าของเราเกิดกลิ่นอับอันไม่พึงประสงค์
ใช้ผ้าขนหนูช่วยซับน้ำ
หากว่าเราซักผ้าเสร็จแล้ว ถ้าอยากให้ผ้าแห้งหมาดมากยิ่งขึ้น ตอนที่จะปั่นแห้งให้คุณเอาผ้าขนหนูแห้งใส่ลงไปปั่นด้วย ผ้าขนหนูจะช่วยซับน้ำจากผ้าที่ปั่นได้มากยิ่งขึ้น ฉะนั้นผ้าที่เราปั่นเสร็จแล้วก็จะแห้งมากกว่าปกติ ทำให้เวลาที่เราเอามาจาก ผ้าก็จะแห้งได้ไวยิ่งขึ้นนั่นเองจ้า
ให้คอมเพรสเซอร์แอร์ช่วยเป่า
หากที่บ้านหรือห้องพักของคุณมีแอร์ จะมีคอมเพรสเซอร์แอร์ตั้งอยู่หลังห้องซึ่งจะมีลมร้อนเป่าออกมา คุณสามารถเอาผ้าไปแขวนผึ่งไว้ได้ ลมร้อนจะช่วยเป่าเสื้อผ้าของคุณให้แห้งเร็วขึ้น วิธีนี้หลายคนก็เคยใช้มาแล้วเหมือนกัน ผู้เขียนก็มักจะเอาถุงเท้าไปผึ่งไว้ก็แห้งภายในระยะเวลาไม่นาน เป็นการประยุกต์ใช้สิ่งที่อยู่ใกล้ตัวที่ได้ผลดีเหมือนกันค่ะ
ปั่นผ้าในปริมาณที่พอดี
การที่เราปั่นแห้งเสื้อผ้าของเราในปริมาณมากในครั้งเดียวไม่ใช่ทางเลือกที่ดีเท่าไหร่ เพราะผ้าของเราจะไม่แห้งเท่าที่ควรฉะนั้นควรแยกปั่นให้พอดีกับขนาดของเครื่อง เพื่อให้แรงหมุนของเครื่องทำการปั่นเอาน้ำในเสื้อผ้าออกไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ และอีกอย่างเสื้อผ้าก็จะไม่พันกันจนเสียทรงมากจนเกินไปค่ะ
สะบัดผ้าก่อนตาก
การที่เราเอาผ้าปั่นแห้งแล้ว ผ้าก็จะยับและยังชื้นๆ อยู่ใช่มั๊ยหล่ะ ฉะนั้นก่อนที่จะเอาใส่ไม้แขวนก็ให้ทำการสะบัดผ้าซัก 2 – 3 ที แล้วจึงเอาใส่ไม้แขวน เพื่อที่จะได้ขจัดเศษละอองน้ำที่ติดมากับผ้าออกไป และเป็นการคืนรูปให้เสื้อผ้า เวลาเอาไปรีดจะได้รีดง่ายๆ หากเราไม่สะบัดเสียก่อนผ้าก็จะเป็นรอยยับลึกๆ รีดยาก และรอยยับนั้นก็จะเก็บความชื้นของผ้าเอาไว้มาก เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ผ้าแห้งช้าอีกด้วย
ตากผ้าในห้อง อย่าลืมเปิดประตูหน้าต่าง
หากคุณจำเป็นที่จะต้องเอาผ้าเข้ามาตากในห้อง ซึ่งแน่นอนว่าจะต้องไม่ค่อยมีแดดอยู่แล้ว ให้คุณเปิดประตูหลังห้อง เปิดหน้าต่างบานเกร็ดไว้ให้โปร่ง เพื่อให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก ลมจากข้างนอกได้พัดเข้ามาถ่ายเทความชื้นจากผ้าที่ตากไว้ออกไป
เลือกซักผ้าทีละมากๆ ในวันหยุด
นี่เป็นอีกหนึ่งวิธีสำหรับผู้ที่มีชุดสวมใส่ไปทำงานมากๆ ก็รวบรวมชุดที่ใส่แล้วไว้ซักในวันหยุดทีเดียวไปเลย ก่อนซักก็เช็คดูลมฟ้าอากาศว่ามีโอกาสที่ฝนจะตกหรือไม่ หรืออาจจะเช็คจากแอพพลิเคชั่นพยากรณ์อากาศก็ได้ แล้วรีบซักผ้าตั้งแต่เช้าๆ เอาผ้าออกไปตากในพื้นที่โล่งบริเวณใกล้ๆ แล้วเราก็ทำงานบ้านที่เหลือไปสักครึ่งวัน ผ้าที่ตากก็จะแห้งพอดี ช่วงบ่ายก็ออกไปลั๊ลลาได้ตามต้องการเลยจ้า
ใช้เตารีดช่วย
เมื่อคุณซักผ้าและปั่นเสร็จ ผ้าก็จะยังชื้นๆ อยู่ ให้เอามารีดเลยค่ะ โดยตอนรีดให้เอาผ้าขนหนูแห้งมาทับด้วย น้ำจะระเหยออกมาติดอยู่ที่ผ้าขนหนู ตอนรีดไอน้ำจะเป็นควันขึ้นมาเลยหล่ะ เสร็จแล้วก็เอามาผึ่งซักแป๊บนึง ผ้าก็จะแห้งแล้วค่ะ แต่วิธีนี้ระวังผ้าสีตกและอาจจะเปลืองไฟนิดนึงนะ ไม่แนะนำให้ใช้วิธีนี้กับผ้ายืด เพราะยางยืดจะเสื่อมสภาพนั่นเอง
ปกติเราซักผ้าก็จะต้องใส่น้ำยาปรับผ้านุ่มอยู่แล้ว แต่หากเพื่อนๆ จำเป็นที่จะต้องซักผ้าในช่วงค่ำแล้วตากทิ้งไว้ในตอนกลางคืน ก็อย่าลืมใช้น้ำยาปรับผ้านุ่มสูตรป้องกันกลิ่นอับด้วยหล่ะ เพราะผ้าที่ตากในตอนกลางคืนมีโอกาสสูงที่จะอับชื้นและมีกลิ่นเหม็นอับ วิธีการที่เราได้กล่าวมานี้อาจจะยังไม่ครอบคลุมมากสักเท่าไหร่ แต่ก็คงจะเป็นประโยชน์ต่อคุณผู้อ่านไม่มากก็น้อย ว่าแล้วผู้เขียนก็ขอตัวไปซักผ้าก่อนนะคะ