วิธีทำความสะอาดพรม ไม่ใช่เรื่องยาก เรามีวิธีง่ายๆ มาแนะนำ

เพื่อนๆ คงจะเคยเห็นตามสำนักงาน หอประชุม หรือบ้านบางหลัง เค้าจะปูพื้นด้วยพรม ซึ่งดูแล้วการทำความสะอาดคงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ยิ่งมีเศษอาหาร เครื่องดื่ม หรือของเหลวตกลงไปใส่แล้ว ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ในการทำความสะอาดเลยทีเดียว แล้วหากเกิดเหตุการเหล่านี้ขึ้น จะมีวิธีทำความสะอาดพรมกันอย่างไร? เราจะมาแนะนำให้ทราบค่ะ ต่อไปนี้คุณจะได้ทราบว่าจะต้องทำอย่างไร? หากเราต้องการทำความสะอาดพรม แล้วเมื่อถึงคราวจำเป็น คุณจะได้นำความรู้ที่ได้อ่านไปนี้ นำไปใช้แก้ปัญหากันยังไงหล่ะ แน่นอนว่ามันไม่ยาก ไม่ว่าคุณหรือใครก็สามารถทำเองได้แน่นอนจ้า

ยิ่งบางบ้านที่มีเด็กเล็กหรือเลี้ยงน้องหมา น้องแมวไว้ในบ้าน ย่อมมีโอกาสที่พรมจะเกิดความสกปรกได้สูงมาก เด็กเล็กๆ อาจจะปัสสาวะลงไปบนพรม คุณพ่อคุณแม่จะต้องรีบทำความสะอาดกันเป็นการใหญ่ มิฉะนั้นกลิ่นก็จะติดอยู่ที่พรมและตลบอบอวลอยู่บริเวณนั้นเป็นแน่ เห็นมั๊ยค่ะว่าวิธีทำความสะอาดพรมมีความจำเป็นกับเรามากขนาดไหน มาอ่านเป็นความรู้ก็ไม่เสียหายอะไร เพราะหากวันใดวันหนึ่งคุณจะต้องทำความสะอาดพรม ก็จะได้ทราบวิธีปฏิบัตินั่นเอง

วิธีทำความสะอาดพรม ไม่ยากอย่างที่คิด!!

 

ใช้เครื่องดูดฝุ่น

วิธีพื้นฐานในการทำความสะอาดพรม ก็คือการใช้เครื่องดูดฝุ่นนั่นเอง เพราะไม่สามารถใช้ไม้กวาดได้อยู่แล้ว ซึ่งเราจะใช้ในการทำความสะอาดฝุ่น เศษดิน หรือเศษขนม เพียงเอาเครื่องดูดฝุ่นไปดูดตามพื้น ให้ทั่ว ก็เป็นอันเสร็จแล้วหล่ะ

 

 

ใช้เครื่องฉีดน้ำแรงดันสูง

วิธีนี้ก็เป็นอีกหนึ่งแนวทางที่ช่วยทำความสะอาดพรมได้ดีมาก ไม่ว่าจะเป็นคราบปัสสาวะ คราบน้ำแกง หรือเวลาคุณเมาแล้วเผลอมาอาเจียนใส่ โดยเอาพรมออกมาไว้ลานกลางแจ้ง แล้วเอาน้ำอุ่นราดลงไป เอาผงซักฟอกโรยลงไป (อาจจะใช้แปรงขัดนิดหน่อยก็ได้) จากนั้นเอาเครื่องฉีดน้ำแรงดันสูงมาฉีดลงไปบนพรมเลยค่ะ คราบสกปรกที่ฝังลึกจะหลุดออกจนหมด จากนั้นก็เอาไปตากให้แห้งก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อยจ้า
 

 

ขัดด้วยน้ำยาซักผ้า

น้ำยาซักผ้าที่เราใช้กันบ่อยๆ นี้ สามารถเอามาช่วยทำความสะอาดพรมได้ด้วยนะ โดยให้เอาน้ำยาซักผ้ามาผสมกับน้ำเปล่าจางๆ (เติมน้ำยาซักผ้าลงไปนิดเดียว) แล้วเอาแปรงมาจุ่ม นำไปขัดบนพรมให้ทั่ว หรืออาจขัดเฉพาะจุดที่เปื้อนก็ได้ เสร็จแล้วเอากระดาษหนังสือพิมพ์มาซับให้แห้งมากที่สุด แล้วเปิดพัดลมเป่าทิ้งไว้ให้แห้ง ถ้าเพื่อนๆ อยากให้แห้งไว ก็ใช้ลมร้อนจากไดร์เป่าผมนี่แหล่ะค่ะ เป่าลงไปเลย

 

 

น้ำยาซักแห้ง

วิธีนี้เหมาะสำหรับการทำความสะอาดพรมเฉพาะจุด อย่างสุนัขหรือแมวของเรามาฉี่ใส่บนพรม เราก็เอาน้ำยาซักแห้งมาผสมกับน้ำเปล่า แล้วเอาราดลงบนรอยเปื้อนได้เลย เอาแปรงขัดเบาๆ แล้วหากระดาษมาซับน้ำออก ใช้หนังสือพิมพ์เก่าๆ ก็ได้ค่ะ ซับหลายๆ รอบจนพรมแห้งมากที่สุด จากนั้นเอาไดร์เป่าผมมาเป่าให้แห้ง หรืออาจจะเปิดพัดลมเป่าทิ้งไว้ให้แห้งก็ได้ค่ะ
 

 

ส่งร้านซัก

วิธีนี้อาจจะเสียเงินค่อนข้างเยอะ แต่ก็สะดวกและประหยัดแรงของเราได้เยอะ แค่หอบพรมไปส่งให้ร้านซัก หรือถ้าเป็นพรมที่ติดอยู่กับพื้นไม่สามารถเอาออกได้ ก็เรียกใช้บริการทำความสะอาดพรมจากบริษัทที่เค้ารับทำใกล้ๆ บ้านได้เลย เค้าจะมีเครื่องมือ น้ำยาทำความสะอาด และขั้นตอนวิธีการแบบมืออาชีพ ลองค้นหาตามอินเทอร์เน็ตมีเพียบอยู่ทุกจังหวัดเลยนะ

 

วิธีขจัดคราบน้ำมันบนพรม

ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่เราจะจัดการกับคราบน้ำมัน แต่เรามีวิธีมาแนะนำ โดยให้เอาผ้าหรือกระดาษหนังสือพิมพ์มาวางทับบนคราบน้ำมันบนพรม แล้วเอาเตารีดเร่งความร้อนให้สุด รีดไปบนผ้าถูไปถูมาสักครู่ ผ้าหรือกระดาษที่เราเอาวางไว้จะดูดน้ำมันขึ้นมาจากพรม ทำไปเรื่อยๆ จนคราบน้ำมันหายไปมากที่สุด แล้วเอาไปซักด้วยผงซักฟอก ถ้ามีเครื่องฉีดน้ำแรงดันสูงมาช่วยฉีดด้วยจะดีมากๆ เลยค่ะ

หากเป็นพรมที่ติดกับพื้น ไม่สามารถเอาเอาออกไปซักได้ ก็ให้เอาแป้งเด็กหรือผงฟู โรยลงไปบนคราบน้ำมัน ปล่อยทิ้งไว้ 1 คืน แป้งจะช่วยดูดน้ำมันออกจากพรม ตอนเช้ามาเราก็เอาเครื่องดูดฝุ่นมาดูดออก จะเหลือเพียงรอยน้ำมันนิดเดียว ให้เอาน้ำยาซักผ้าผสมกับน้ำ แล้วเอาราดลงไปที่รอยน้ำมัน ทิ้งไว้ซักครู่แล้วเอากระดาษหนังสือพิมพ์มามาซับน้ำออกให้แห้งมากที่สุด ใช้ไดร์หรือพัดลมเป่าให้แห้งก็เป็นอันเสร็จแล้วหล่ะ การขจัดคราบน้ำมันบนพรมอาจจะยุ่งยากนิดนึงนะคะ

 

 

วิธีจัดการกับคราบหมากฝรั่งบนพรม

บางครั้งเด็กๆ ที่บ้านอาจจะเคี้ยวหมากฝรั่งแล้วคายทิ้งไว้บนพรม แน่นอนว่าจะติดเหนียวแน่น ให้เพื่อนๆ เอาน้ำแข็งใส่ถุงแล้วเอาไปวางทับไว้บนหมากฝรั่งสักครู่ เพื่อให้หมากฝรั่งแข็งตัว เมื่อได้ที่แล้วก็เอาช้อนมาแงะหรือขูดหมากฝรั่งออกได้เลย จะหลุดออกมาเป็นก้อนอย่างง่ายดายค่ะ

 

 

การขจัดคราบชา กาแฟ หรือเครื่องดื่ม

บริเวณห้องประชุมที่ปูพรม บ่อยครั้งที่จะมีเครื่องดื่มต่างๆ หกเลอะเทอะลงบนพื้นพรม หากเราจะต้องทำความสะอาดต้องทำไงหล่ะ? ให้เอาน้ำยาซักผ้าผสมกับน้ำเปล่า เอาเทใส่รอยเปื้อน แล้วเอาแปรงมาถูนิดนึงก็ได้ จากนั้นเอาผ้าแห้งหรือกระดาษหนังสือพิมพ์มาซับออก หากยังมีรอยเปื้อนจางๆ หลงเหลืออยู่ ก็เอาน้ำส้มสายชูผสมน้ำเปล่า ชุบผ้าเช็ดอีกรอบ รอยเปื้อนเลือนหายลงไปค่ะ

 

 

การขจัดรอยสนิมออกจากพรม

บางครั้งการวางโต๊ะ ตู้ ทับไปบนพรมเป็นเวลานานๆ อาจทำให้เกิดสนิมได้ และมันก็จะติดฝังแน่นที่พรมอีกด้วย วิธีแก้ให้คุณเอาน้ำมะนาว หรือน้ำสายชูมาเช็ดออก เพราะความเป็นกรดจะช่วยขจัดสนิมออกได้ง่าย เมื่อเสร็จแล้ว ก็เอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดอีกรอบ แล้วเป่าให้แห้งด้วยพัดลมก็เป็นอันเสร็จ

 

ทำความสะอาดขี้นกที่ติดบนพรม

หากเป็นขี้นกที่ยังไม่แห้ง ให้เอากระดาษบางๆ หรือช้อนมาตักออก แต่หากขี้นกแห้งแล้ว ให้เอาช้อนขูดออก ซึ่งจะมีร่องรอยเหลืออยู่ ให้เอาน้ำยาซักผ้าอีกเช่นกัน ผสมน้ำแล้วเอามาราดลงไป ใช้ผ้าเช็ดจนรอยเปื้อนหาย แล้วเอาผ้าชุบน้ำเปล่ามาเช็ดอีกรอบ แล้วหาผ้าแห้งหรือกระดาษมาซับให้แห้ง ก็เสร็จแล้วค่ะ ยังมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของน้ำยาซักผ้ามาช่วยดับกลิ่นอีกด้วยนะ

 

 

การทำความสะอาดพรมบนบันได

บางบ้านจะมีการปูพรมตรงบันไดด้วย เมื่อเราเดินขึ้นเดินลงทุกวัน ย่อมมีความสกปรกเกิดขึ้น ให้คุณเอาเครื่องดูดฝุ่นมาดูดเศษฝุ่นต่างๆ ออกไปให้มากที่สุดทุกซอกทุกมุม จากนั้นเอาน้ำยาล้างจานมาผสมกับน้ำเปล่า (ถ้าอยากให้หอมอาจใส่น้ำมันหอมระเหยไปด้วยก็ได้) นำแปรงมาชุบแล้วเอาขัดไปบนพรมให้ทั่วทุกขั้นบันได เสร็จแล้วเอาผ้าชุบน้ำอุ่นมาบิดหมาดๆ เช็ดซ้ำให้ทั่วอีกรอบ แล้วเปิดพัดลมเป่าให้แห้ง เท่านี้ก็เรียบร้อยแล้วจ้า

 

 

ขจัดคราบอาเจียนบนพื้นพรม

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้บ่อยๆ ก็คือ เวลาคุณพาเด็กๆ นั่งรถไปเที่ยว เด็กเมารถแล้วอาเจียนใส่พรมบนรถ หรือบางครั้งเพื่อนของคุณที่ติดรถมาด้วยมีอาการเมา แล้วอาเจียนใส่รถ หาลยคนคงจะหมดเงินเพื่อไปใช้บริการล้างรถจากศูนย์บริการต่างๆ แต่หากคุณต้องการล้างเอง ให้คุณตักหรือเก็บเศษเหล่านั้นออกไปให้หมด แล้วใช้ผ้าชุบน้ำมาเช็ดคราบที่เหลืออยู่ให้จางลงไป แล้วเอาน้ำยาซักผ้าหรือน้ำยาล้างจาน ผสมกับน้ำยาปรับผ้านุ่ม เอามาเช็ดตรงรอยนั้นอีกรอบ อาจใช้แปรงมาถูด้วยก็ได้ เสร็จแล้วเอาผ้าชุบน้ำอุ่นมาเช็ดอีกหลายๆ รอบจนสะอาดมากที่สุด หาพัดลมมาเป่า หรือเอารถไปตากแดดโดยเปิดประตูรถไว้ให้อากาศผ่านได้สะดวก เท่านี้คุณก็จะทำความสะอาดอาเจียนได้อย่างสะอาดและปราศจากกลิ่น

 

 

คราวหน้าหากเพื่อนๆ ต้องได้ทำความสะอาดพรมที่สกปรกด้วยตัวเอง ทิปส์ว่าหวังว่าวิธีทำความสะอาดพรมแต่ละวิธีที่คุณได้อ่านกันไปนี้ คงจะช่วยทุ่นแรงให้กับคุณได้เยอะเลยนะคะ เรื่องการรักษาความสะอาดเป็นหน้าที่ของเราทุกคน ฉะนั้นไม่ควรมองข้ามความรู้และวิธีการเหล่านี้ ไม่แน่ว่าคุณอาจจะเอาไปใช้กับที่บ้านของคุณเองก็ได้ แล้วบ้านจะได้สะอาด และบ่งบอกถึงบุคลิคเจ้าของบ้าน ว่าเป็นผู้ที่รักษาความสะอาดมากๆ นั่นเอง