เกลื้อนรักษายังไง เกิดขึ้นได้อย่างไร เรามีวิธีรักษาเกลื้อนมาบอก
เกลื้อนเป็นโรคผิวหนังชนิดหนึ่ง มีสาเหตุมาจากการติดเชื้อราบริเวณผิวหนังชั้นตื้น โดยเชื้อราที่เป็นสาเหตุของโรคเกลื้อนนั้นมีชื่อว่า Pityrosporum Orbiculare ซึ่งเชื้อราตัวนี้จะมีอยู่บนผิวหนังชั้นตื้นของคนเราอยู่แล้ว โดยเฉพาะผิวหนังตรงบริเวณต่อมไขมัน เมื่อเรารักษาความสะอาดร่างกายไม่ดีพอ ปล่อยให้เกิดการหมักหมมของเหงื่อไคลมากๆ ประกอบกับภูมิต้านทานในช่วงนั้นของเราลดลง จะทำให้เชื้อรานี้เพิ่มปริมาณมากขึ้น และแสดงอาการออกทางผิวหนังซึ่งจะเห็นเป็นดวงเล็กๆ มีผิวหนังเป็นขุยและจะเพิ่มขนาดขยายใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ ในภาษาอังกฤษจะเรียกโรคเกลื้อนนี้ว่า Pityriasis Versicolor หรือ Tinea Versicolor โรคเกลื้อนนี้หากเรารักษาหายแล้ว ก็อาจจะกลับมาเป็นได้อีก ฉะนั้นควรใส่ใจเรื่องความสะอาดของร่างกายให้มากนะคะ
อีกอย่างที่อยากจะบอกก็คือมีหลายคนเข้าใจผิดว่ากลาก กับ เกลื้อน นั้นเป็นอันเดียวกัน แต่ที่จริงไม่ใช่นะ มันเกิดจากเชื้อราคนละชนิดกันค่ะ ซึ้งอาการของเกลื้อนคือจะมีลักษณะเป็นดวงเล็กๆ บนผิวหนัง เมื่อนานไปอาจจะรวมตัวกันจนมีขนาดเป็นปื้นใหญ่ๆ ซึ่งสีของผิวหนังที่เป็นเกลื้อนนั้นจะมีสีจางหรือเข้มกว่าผิวหนังปกติโดยรอบ เกลื้อนจะไม่ค่อยมีอาการคัน นอกจากถูกกระตุ้นในบางครั้ง เช่น ตอนเวลาที่เหงื่อตัวเราออก เป็นต้น เรามักจะพบเกลื้อนบริเวณ แผ่นหลัง หน้าอก แขน เป็นต้น ซึ่งบริเวณเหล่านี้จะมีต่อมไขมันอยู่มาก แม้ว่าเกลื้อนจะไม่ใช่โรคที่ร้ายแรงมากมาย แต่มันทำให้ความสวยงามบนผิวของเราน้อยลง ไม่ค่อยน่าดูเท่าไหร่นัก และที่สำคัญมันอาจจะกลับมาเป็นอีกก็ได้ แม้ว่าคุณจะเคยรักษาจนหายแล้วก็ตาม เรามาดูวิธีรักษาเกลื้อนกันเลยดีกว่าค่ะ
วิธีรักษาเกลื้อนทั้งแบบธรรมชาติ และแบบใช้ยาแผนปัจจุบัน
ใช้ยาทาที่มีส่วนผสมของ Selenium Sulfide
ให้ไปซื้อยาเซลีเนียมซัลไฟด์ (Selenium sulfide) มาใช้ทาเพื่อทำลายเชื้อราบนผิวหนัง โดยใช้ฟอกตัวหลังจากที่เราอาบน้ำเสร็จ โดยทาตัวยาไปบนผิวหนังที่เป็นเกลื้อน แล้วทิ้งไว้ 20 นาที จึงอาบน้ำล้างออก อย่าทาทิ้งไว้นานเกินไปเพราะผิวจะลอก ใช้ยาตัวนี้ทุกวัน 1 – 2 สัปดาห์ก็จะเริ่มเห็นผล หรืออาจจะใช้ยาทาที่มีส่วนผสมของ Selenium Sulfide ก็ได้ และเดี๋ยวนี้ยังมีผลิตภัณฑ์แชมพูที่มีส่วนผสมของ Selenium Sulfide อีกด้วย ลองหามาใช้กันดูได้ค่ะ ซึ่งจะช่วยขจัดรังแคให้กับคุณได้อีกด้วย
ใช้แชมพูไนโซรัล
ให้ไปซื้อแชมพูยาไนโซรัลมาใช้ทุกวัน โดยให้ฟอกตรงจุดที่เป็นเกลื้อนทิ้งไว้ 3 – 5 นาที (ทำก่อนอาบน้ำ) ติดต่อกัน ประมาณ 5 วันก็จะเริ่มเห็นผลแล้วหล่ะค่ะ ซึ่งเพื่อนๆ สามารถซื้อแชมพูยายี่ห้อนี้ได้ตามร้านขายยาทั่วไปได้เลยจ้า
ทาด้วย 20% Sodium Thiosulfate
ยาตัวนี้จะมีกลิ่นเหม็นหน่อยนะคะ โดยให้เอายาตัวนี้มาทาตรงที่เป็นเกลื้อนวันละ 2 ครั้งหลังอาบน้ำ ทาทุกวันไปเรื่อยๆ ประมาณ 2 – 3 อาทิตย์ ก็จะช่วยรักษาเกลื้อนได้ค่ะ
ใช้ Imidazole Cream
ให้ไปตามร้านขายยาแล้วซื้อยาทา Imidazole cream มาใช้ โดยทาวันละ 2 ครั้ง ต่อเนื่องทุกวันประมาณ 2 – 4 อาทิตย์ ก็ได้ผปลเช่นกัน แต่ยาตัวนี้จะค่อนข้างแพงนิดนึงนะคะ
ทานยา Ketoconazole
ยานี้ค่อนข้างอันตรายและอาจมีผลข้างเคียง ควรใช้ในกรณีที่เป็นเกลื้อนมากๆ เท่านั้น และหากจะใช้ควรปรึกษาแพทย์ก่อนนะคะ โดยปริมาณการใช้ และระยะเวลาในการใช้ยาตัวนี้ ควรทำตามคำแนะนำของแพทย์จะดีที่สุดค่ะ ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วจะใช้ติดต่อกันไม่เกิน 10 – 14 วัน ซึ่งยาตัวนี้อาจมีผลข้างเคียงต่อตับได้ และค่อนข้างมีราคาแพง แต่ใช้รักษาเกลื้อนได้ดีเหมือนกัน ต้องย้ำว่าควรใช้ยานี้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์เท่านั้นค่ะ
ขจัดเชื้อราด้วย Clotrimazole Cream
ซึ่งยาชนิดนี้ใช้ในการขจัดเชื้อราที่เกิดขึ้นบนผิวหนังได้ดี โดยทาหลังอาบน้ำทั้งตอนเช้าและตอนเย็นเป็นประจำทุกวัน ประมาณ 2 – 4 สัปดาห์รอยเกลื้อนก็จะเริ่มจากลงไป หลังจากทายาแล้วอย่าลืมล้างมือให้สะอาดทุกครั้งนะคะ
ทานยา Itraconazole
หากเป็นเกลื้อนที่รอยกว้างมาก ให้กินยา Itraconazole ด้วยวันละ 200 มก. ติดต่อกันเป็นเวลา 5 วัน ก่อนใช้ยาควรปรึกษาแพทย์หรือขอคำแนะนำจากเภสัชกรก่อนนะคะ เพื่อความมั่นใจและความปลอดภัยนั่นเองค่ะ
กระเทียมก็ใช้ได้นะ
กระเทียมนอกจากจะเป็นเครื่องปรุงอาหารแล้ว ยังใช้เป็นสมุนไพรรักษาโรคเกลื้อนได้อีกด้วย โดยเอากระเทียมมาใส่ครกตำให้ละเอียด แล้วเอามาทาตรงจุดที่เป็นเกลื้อน วันละ 2 – 4 รอบ ทาไปเรื่อยๆ ทุกวันจนกว่าจะหายค่ะ แต่มีข้อเสียนิดนึงคือจะมีกลิ่นฉุนของกระเทียมติดตัวเรา คนที่ไม่รู้อาจคิดว่าเรากลิ่นตัวแรงได้นะ ฮ่า ฮ่า
ใช้ข่ารักษาเกลื้อน
เพื่อนๆ รู้หรือไม่ว่าพืชผักสวนครัวที่เรารู้จักกันดีอย่างข่าเนี่ย ก็เอามาใช้รักาเกลื้อนได้ด้วยนะ โดยเอาข่าสดเลือกแบบแก่จัดมาตำให้แหลกพอประมาณ แล้วเอามาแช่ในเหล้าขาวทิ้งไว้ 2 คืน เมื่อได้ที่แล้วก็เอาสำลีมาชุบ แล้วเอาไปเช็ดผิวหนังบริเวณที่เป็นเกลื้อนได้เลย (ก่อนทาให้ขูดผิวบริเวณที่เป็นขุยออกก่อนด้วยจะดีมาก) ทำวันละ 3 – 4 ครั้ง ไปเรื่อยๆ แล้วเกลื้อนที่คุณเป็นอยู่ก็จะค่อยๆ จางลงและหายไปในที่สุดค่ะ
รักษาเกลื้อนด้วยใบกระเพราสดๆ
ผักที่เป็นอาหารจานด่วนอย่างใบกระเพรา ก็สามารถเอามาช่วยรักษาเกลื้อนให้กับเราได้นะจ๊ะ วิธีการคือให้เอาใบกระเพราสดๆ มาล้างให้สะอาด จากนั้นเอามาบดหรือเอาใส่ครกบดให้ละเอียด จากนั้นก็เอามาพอกหรือทาตรงบริเวณที่เป็นเกลื้อน ทาไปเรื่อยๆ วันละ 3 – 4 ครั้ง ผิวหนังที่เป็นเกลื้อนก็จะเริ่มจางลงและหายไปค่ะ
ใช้ใบชุมเห็ดเทศรักษาโรคเกลื้อน
ชุมเห็ดเทศใบมันจะเป็นสีเขียวดอกสีเหลือง ชุมเห็ดเทศมีสรรพคุณทางยาที่หลากหลาย และช่วยเรารักษาเกลื้อนได้ด้วย คือให้เอาใบชุมเห็ดเทศมาตำให้ละเอียด แล้วใช้พอกตรงจุดที่เป็นเกลื้อนได้เลยค่ะ หรือใครจะเอาน้ำมะนาวผสมเข้าไปด้วยก็ได้นะคะ ใช้ทาวันละ 2 – 3 ครั้ง ก็จะสามารถรักษาเกลื้อนได้เช่นกันจ้า
ขจัดเกลื้อนด้วยดอกผักบุ้ง
ผักบุ้งเป็นพืชผักที่เราเคยกินกันอยู่แล้ว และยังหาง่ายอีกด้วย การเอามาใช้รักษาเกลื้อนนั้นทำได้ โดยให้เอาดอกผักบุ้งมา 10 ดอก มาโขลกให้ละเอียดนิดหน่อย แล้วเอามาทาตรงที่เป็นเกลื้อนให้ทั่ว แล้วทิ้งไว้ 3 ชั่วโมงจึงล้างออก แล้วทาใหม่อีกรอบ ให้ทำแบบนี้วันละ 3 – 4 รอบ แล้วอาการโรคเกลื้อนที่คุณเป็นอยู่จะค่อยๆ หายค่ะ
ใช้ขี้ผึ้งเบอร์ 28 ทาเกลื้อน
สำหรับวิธีนี้ทำได้ง่ายๆ และราคาไม่แพงอีกด้วย ให้ไปตามร้านขายยา หรือร้านขายของชำ เค้าจะมีขี้ผึ้งเบอร์ 28 ขายอยู่ค่ะ ให้ซื้อมาทาวันละ 3 รอบทุกวัน อาการก็จะเริ่มดีขึ้นและหายไป แต่หลังจากที่หายแล้วควรทาต่อเนื่องไปอีก 4 สัปดาห์ เพื่อความชัวร์นั่นเอง วิธีที่ประหยัด ง่ายและได้ผลแบบนี้ อย่าลืมลองใช้กันดูนะคะ
จัดการกับเกลื้อนด้วยซีม่า
เอาซีม่าครีมมาทาบริเวณที่เป็นเกลื้อนทุกวัน วันละ 3 – 4 ครั้ง ไปเรื่อยๆ ประมาณ 1 เดือน เกลื้อนที่เป็นอยู่ก็จะหายไปค่ะ แต่หากใครจะใช้ซีม่าโลชั่นก็ได้ แต่จะไหม้ผิวจนลอกเป็นแผ่นเลยหล่ะ และจะแสบมากๆ อีกด้วย แต่เพียงไม่กี่วันผิวหนังที่เป็นเกลื้อนจะหลุดลอกออกไป เรียกได้ว่าเป็นการขจัดเกลื้อนแบบถอนรากถอนโคนกันเลยทีเดียว แต่อย่าใช้กับผิวที่บอบบางและผิวหน้านะคะ
โรคเกลื้อนนี้หากเรารักษาหายแล้ว ก็ยังสามารถถเกิดซ้ำได้อีก ฉะนั้นเมื่อรักษาจนหาย เราควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตของเราให้ดีขึ้นกว่าเดิมนะคะ โดยให้รักษาความสะอาดของสุขอนามัยของร่างกายมากกว่าเก่า ไม่ใช้เสื้อผ้าหรือผ้าเช็ดตัวร่วมกับผู้อื่น สำหรับผ้าเช็ดตัวหลังจากใช้เสร็จควรเอาไปตากให้แห้งก่อนนำมาใช้ทุกครั้ง หลังจากออกกำลังกายเสร็จไม่ควรปล่อยให้เกิดการหมักหมมของเหงื่อไคลนานเกินไป และรักษาความสะอาดของร่างกายอย่างสม่ำเสมอ สำหรับยาทาเนี่ยหลังใช้ทุกครั้ง อย่าลืมล้างมือให้สะอาดด้วยนะ เพียงเท่านี้ชีวิตเราก็มีความสุข อยู่ห่างไกลจากโรคเกลื้อนแล้วหล่ะค่ะ