เชื้อราที่เล็บรักษาอย่างไร? รวมหลายวิธีกำจัดเชื้อรา อยู่ที่นี่แล้ว!!
การติดเชื้อราที่เล็บหลายคนคงทราบกันดีว่ารักษาค่อนข้างยาก ค่อนข้างใช้เวลานาน ต้องใจเย็นๆ ค่อยเป็นค่อยไป และป้องกันไม่ให้กลับมาเป็นซ้ำอีก ซึ่งลักษณะที่ปรากฏหากคุณติดเชื้อราที่เล็บนั้นก็คือ ที่ปลายและด้านข้างของเล็บจะมีจุดขาวๆ เหลืองๆ เกิดขึ้น เล็บจะยุบ บิดเบี้ยวและฉีกเป็นหลุม อาการจะค่อยๆ ลุกลามและมีอาการเจ็บปวดอักเสบ คราวนี้หล่ะคุณจะมีปัญหาเกี่ยวกับการสวมรองเท้า และเดินลำบาก ฉะนั้นหากคุณเริ่มเห็นอาการตั้งแต่เนิ่นๆ อย่าลืมใส่ใจรักษาเชื้อราที่เล็บกันตั้งแต่ยังไม่เป็นอะไรมาก เพราะการรักษาจะง่ายกว่านั่นเองจ้า
โดยส่วนใหญ่แล้วเรามักจะพบเชื้อราที่เล็บเท้าได้บ่อยกว่าเล็บมือ เพราะเท้าของเรามีโอกาสสัมผัสกับเชื้อโรคและสิ่งสกปรกได้สูง มีการอับชื้นจากการสวมถุงเท้าและรองเท้าหุ้มส้นอยู่เป็นประจำ ผู้ที่เกิดเชื้อราที่เล็บมักจะมีความอับกาย ยิ่งเป็นที่นิ้วมือด้วยแล้วแทบไม่อยากให้ใครเห็นนิ้วมือของเราเลย แต่ไม่ต้องกังวล เพราะปัจจุบันทางการแพทย์มีวิธีการรักษาให้หายขาดได้แล้ว แต่หากเรารู้ตัวตั้งแต่แรก เราก็สามารถทำการรักษาเองได้ ซึ่งเป็นการประหยัดเวลาไปโรงพยาบาลและประหยัดเงินลงได้อีกด้วย
วิธีรักษาเชื้อราที่เล็บมือ เล็บเท้า
ใช้ยาทารักษาเชื้อรา
หากคุณเริ่มสังเกตุเห็นอาการของเชื้อราที่เล็บของคุณ ให้ไปหาซื้อยารักษาเชื้อราจากร้านขายยามาใช้เลยค่ะ ให้ขอคำปรึกษาจากเภสัชกรที่ร้านยา เค้าก็จะแนะนำตัวยาที่ตรงกับอาการที่คุณกำลังเป็นอยู่ การซื้อยามารักษาตัวเองไม่ต้องอายหมอหรอกค่ะ ถามเค้าไปเลย แต่หากทนอายไม่ไหว ก็บอกว่าซื้อไปให้เพื่อน ลุง ป้า น้า อา ก็ว่ากันไป แล้วก็บอกอาการให้เภสัชกรได้รู้ เค้าก็จะให้คำแนะนำกับคุณเอง
ยาแก้เชื้อรา Loprox ช่วยได้ดี
สำหรับยาแก้เชื้อรายี่ห้อนี้ ใช้แก้เชื้อราที่เล็บโดยตรง หากเราไปซื้อจะเป็นกล่องสีขาว ขวดสีขาวใสค่ะ เมื่อได้ยามาแล้วให้ตัดเล็บออกก่อน แล้วเอายาหยอดลงไป หรืออาจจะเอาชุบสำลีมาเช็ดก็ได้ ใช้วันละ 1 ครั้งก่อนนอน ทำทุกวันเลยค่ะซึ่งอย่างที่บอกว่าเชื้อราที่เล็บค่อนข้างจะใช้เวลารักษานาน ฉะนั้นควรใจเย็นๆ ตัดเล็บทุกสัปดาห์และใช้สำลีชุบแอลกอฮอล์เช็ดทุกครั้งหลังตัดเล็บเสร็จ เพื่อขจัดตัวยาที่ตกค้างสะสมอยู่นั่นเอง
ไปหาหมอเพื่อความชัดเจน
ให้ไปปรึกษาแพทย์ผิวหนังที่โรงพยาบาล แล้วเค้าจะวินิจฉัยและอาจขูดผิวหนังตรงเล็บไปตรวจอีกด้วย และส่วนใหญ่ผู้ที่ไปพบแพทย์จะได้ยามาทานด้วยค่ะ ซึ่งการรักษาด้วยการทานยา จะเป็นการรักษาจากภายในสู่ภายนอก ซึ่งต่างจากการใช้ยาทาหรือยาหยอดที่ตัวยาจะเข้าไปสู่ใต้เล็บได้ไม่มาก แต่การทานยาจะช่วยรักษาในส่วนที่ยาใช้ภายนอกไม่สามารถเข้าถึงได้ค่ะ
ยับยั้งเชื้อราด้วยวาสลีน
วิธีนี้เป็นการช่วยยับยั้งไม่ให้เชื้อราเกิดการแพร่กระจาย โดยก่อนนอนให้เช็ดเท้าของคุณให้แห้งสนิท แล้วเอาวาสลีนทาเคลือบไปบริเวณเล็บที่เป็นเชื้อราให้ทั่ว ก็จะช่วยลดการลุกลามของเชื้อราที่เล็บได้
น้ำส้มสายชูก็ช่วยได้
ให้เอาน้ำส้มสายชูมาครึ่งแก้ว ผสมกับน้ำสะอาดประมาณ 2 ขวดโค๊ก (ขวดใหญ่) แล้วเอาเท้าลงไปแช่ประมาณ 30 นาที ทำแบบนี้เป็นประจำทุกวันไปเรื่อยๆ ประมาณครึ่งเดือน หลังจากนั้นลดปริมาณลงเหลือเพียงสัปดาห์ละ 1 ครั้งก็พอ ซึ่งหลายคนใช้วิธีนี้แล้วได้ผล และผลพลอยได้อีกอย่างก็คือ จะเป็นการช่วยแก้เท้าเหม็นได้อีกด้วย ลองทำกันดูก็ได้นะคะ อาจจะเพิ่มประสิทธิภาพโดยการเติมน้ำยาบ้วนปากลงไปด้วยก็ได้นะ
มะกรูดช่วยรักษาเชื้อราที่เล็บ
ให้เอาผลมะกรูดสดๆ มาปอกเปลือก ที่ผิวเปลือกมะกรูดเวลาเราบีบจะมีน้ำมันพุ่งออกมา ให้เอามาบีบใส่บริเวณเล็บที่เป็นเชื้อราได้เลย ทำวันละ 2 ครั้ง หรือเอาน้ำมะกรูดมาชุบสำลีแล้วเช็ดที่เล็บก็ได้ ทำวันละ 4 ครั้ง ให้ทำทุกวันไปเรื่อยๆ เล็บที่ติดเชื้อราก็จะค่อยๆ ฟื้นฟูสภาพ และรักษาจนหายได้ค่ะ
ทาด้วยน้ำขมิ้นชัน หรือขมิ้นอ้อย
คุณสามารถใช้ขมิ้นชัน หรือขมิ้นอ้อยก็ได้ เลือกใช้ตามความสะดวก ให้เอาหัวขมิ้นสดๆ มาปั่นให้ละเอียด แล้วคั้นเอาเฉพาะน้ำ นำมาทาตรงเล็บที่เป็นเชื้อราทุกวัน วันละ 1 – 2 รอบ ซึ่งขมิ้นมีฤทธิ์ในการขจัดเชื้อราได้
ทาด้วยน้ำกระเทียมสด
วิธีนี้ให้เอากระเทียมสดๆ มาปั่นหรือบดให้ละเอียด แล้วคั้นเอาน้ำของกระเทียมมาทาที่เล็บวันละ 2 ครั้ง ทุกวัน น้ำกระเทียมที่คั้นได้เยอะก็เก็บใส่ขวดเอาไว้ใช้ในวันต่อๆ ไปได้ค่ะ ไม่กี่เดือนเชื้อราที่เล็บจะเริ่มหาย เล็บก็จะงอกใหม่กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง
เพื่อนๆ ที่ไม่เคยเป็นเชื้อราที่เล็บมาก่อน หรือคนที่รักษาจนหายแล้ว ก็ควรดูแลรักษาสุขภาพตัวเองให้ดีนะคะ ควรเลือกรองเท้าที่ระบายอากาศได้ดี ไม่สวมถุงเท้ารองเท้าที่อับอยู่ตลอดเวลา ระหว่างวันควรถอดรองเท้าให้อากาศไหลผ่านบ้าง หลีกเลี่ยงการเดินเท้าเปล่าในพื้นที่ชื้นแฉะ รักษาความสะอาดของเท้า และดูแลเท้าให้แห้งอยู่เสมอ ทาแป้งที่ช่วยยับยั้งเชื้อราอยู่เป็นประจำ ซึ่งการกระทำเหล่านี้ไม่เพียงแต่จะช่วยป้องกันรักษาเชื้อราที่เล็บเท่านั้น แต่ยังจะช่วยจัดการเรื่องกลิ่นเท้าของคุณได้อีกด้วย เรียกว่าได้ประโยชน์หลายอย่างเลยทีเดียวค่ะ